โซลาร์เซลล์แบบ Full Cell
โดยปกติแล้วแผงโซลาร์เซลล์จะมีจำนวน Cells อยู่ในแผงด้วยกัน 2 ขนาดซึ่งก็คือ 60 และ 72 Cells ตามขนาดกำลังไฟฟ้าของแผงโซลาร์เซลล์ที่เลือกใช้
ซึ่งจำนวน Cells เหล่านี้ในแผงโซลาร์ก็จะทำการต่อ”อนุกรม”กันเพื่อให้ได้ขนาดแรงดันไฟฟ้าที่มากขึ้นเพื่อให้ได้ขนาดกำลังไฟฟ้ามากขึ้น โดยปกติแล้วแต่ละ Cell ก็จะมีแรงดันไฟฟ้าอยู่ที่ประมาณ 0.5V ในแผงขนาดเล็ก(ประมาณ320-350W) และประมาณ 0.65V ในแผงขนาดใหญ่(ประมาณ450-550W) ทำให้แรงดันรวมของแผงโซลาร์เซลล์แผงนึงจะอยู่ที่ 36V หรือ 45V ก็ตามแต่ที่เราจะเลือกขนาดแผงโซลาร์เซลล์ที่จะใช้ ซึ่งการเชื่อมต่อ Cells ในแผงโซลาร์แบบนี้เราจะเรียกแผงโซลาร์เซลล์ชนิดนั้นๆว่า “Full Cell”
ด้วยธรรมชาติของการเชื่อมต่อ Cells แบบอนุกรมกันนั้นทำให้กระแสไฟฟ้าของแผงโซลาร์มีการไหลไปในทางเดียวกันตั้งแต่ Cells ที่ 1 จนถึง Cells สุดท้าย ทำให้ข้อเสียที่ร้ายแรงที่สุดเกิดขึ้นได้ในกรณีที่แผ่นโซลาร์เซลล์ได้ถูกเงาบังไม่ว่าจะจากอะไรก็ตามเช่น ใบไม้, มูลนก, ขยะลอยมา หรือแม้กระทั่งก้อนเมฆ ซึ่งเราสามารถจินตนาการการเชื่อมต่อของ Cells ในแผงโซลาร์ให้เหมือนสายยางน้ำที่มีน้ำไหลสายยาง และเมื่อเกิดเงาบังแผงก็เท่ากับเหมือนว่าสายยางนั้นโดนมือบีบจนทำให้กระแสน้ำไหลไปได้น้อยลงนั้นเองครับ
บางช่วงเมื่อความเข้มแสงอาทิตย์เยอะๆ หรืออุณหภูมิสูงๆ แต่เกิดมีการบดบังใน Cells ก็จะทำให้ Cell นั้นๆทำตัวให้เป็นภาระทางไฟฟ้า แทนที่จะเป็นแหล่งจ่ายไฟฟ้าเหมือนปกติ นี่เลยเป็นผลให้เกิดปัญหาตามมาเช่น Heat Spot ซึ่งเหมือนเป็นคราบกรดบนหน้าแผงโซลาร์ หลายๆท่านก็อาจจะเข้าใจว่าโดนน้ำกรดจากฝน แต่จริงๆแล้วมันคือการที่ Cell ได้เกิดการไหม้จากความร้อนสะสม ซึ่งนานๆเข้าอาจจะทำให้แผ่นโซลาร์เซลล์นั้นเกิดการชำรุดถาวรได้เลย
จากข้อเสียของ Full Cell ที่ได้กล่าวมาข้างต้นทำให้ผู้ผลิตแผงโซลาร์เซลล์ได้คิดค้น เทคโนโลยีแบบใหม่ขึ้นมาที่เรียกว่า Half Cell
โซลาร์เซลล์แบบ Half Cell
Half Cell คือการที่แผงโซลาร์เซลล์ได้มีการนำการขนาน Cells มาเสริมเพิ่มเติมในวงจรแผงโซลาร์เซลล์ โดยทำการแบ่ง Cells ภายในแผงโซลาร์ให้แต่ละ Cell มีขนาดเล็กลงครึ่งนึง และแตกให้เป็นครึ่งต่อครึ่ง ซึ่งก็จะทำให้แผงโซลาร์เซลล์ที่เคยมี 60 Cells จะกลายมาเป็น 120 Cells ส่วนแผงโซลาร์เซลล์แบบ 72 Cells ก็จะกลายเป็น 144 Cells
เมื่อดูจาก Diagram ข้างต้นจะเห็นว่าระดับแรงดันโดยรวมของแผงโซลาร์เซลล์ก็จะยังเท่าเดิมเหมือน Full Cell แต่แค่จะมีการแบ่งครึ่งให้เกิดวงจรการขนาน Cells เพื่อทำให้ในกรณีที่มีการโดน Partial Shading บดบังหน้าแผงโซลาร์เซลล์ก็จะยังมีอีก Half นึงที่ยังสามารถเกิดการทำงานของ Cells ให้ส่งกระแสไฟฟ้าต่อไปได้
สรุป แผงโซลาร์เซลล์แบบ Half Cell จะมีข้อดีในการทำงานมากกว่าแผงแบบ Full Cell ในกรณีที่เกิด Partial Shading และลดความเสี่ยงด้านการเกิด Heat Spot